วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ผลเสียของการกินข้าวขาว



ผลเสียของการกินข้าวขาว

โรคเหน็บชา เพราะขาดวิตามิน-บี 1 ข้าวกล้องมีวิตามิน-บี 1 มากกว่าข้าวขาว 385% (พบมากในประเทศที่กินข้าวขาวเป็นอาหารหลัก)

โรคปากนกกระจอก เพราะขาดวิตามิน-บี 2 ข้าวกล้องมีวิตามิน-บี 2 มากกว่าข้าวขาว 66% (ตามชนบทมีเด็กเป็นโรคปากนกกระจอก 60%)

โรคโลหิตจาง เพราะขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากข้าวกล้องมีธาตุเหล็กมากกว่าข้าวขาว 2 เท่า (ประชากรไทยเป็นโรคโลหิตจาง 40%)

โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (พบมากทางภาคเหนือและภาคอีสาน โดยเฉพาะในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี) เกี่ยวเนื่องจากมาจากการขาดธาตุฟอสฟอรัส และอื่นๆ ซึ่งมีในข้าวกล้อง นอกจากนั้น ฟอสฟอรัสยังช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันอีกด้วย

โรคท้องผูก เพราะมีกากอาหารน้อย ข้าวกล้องมีกากอาหารมากกว่า 133% (ข้าวกล้องช่วยป้องกันท้องผูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่)

โรคทางระบบประสาทบางชนิด และโรคปลายประสาทอักเสบ เพราะขาดวิตามินบีรวม ซึ่งมีมากในข้าวกล้อง (วิตามินบีรวม ช่วยบำรุงสมอง ทำให้เรียนเก่งขึ้น และเจริญอาหาร)

อารมณ์เสียง่ายกว่า หงุดหงิดเพราะชาดวิตามินบีรวม ซึ่งเป็นวิตามินที่เสริมสร้างระบบประสาทของร่างกาย และถ้าระบบประสาทของเราไม่ดี ทำให้เราควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก

เบื่ออาหาร เพราะขาดวิตามินบีรวม ซึ่งข้าวกล้องมีมากกว่าข้าวขาว

โรคขาดโปรตีน ข้าวกล้องมีโปรตีน ร้อยละ 7-12 (เด็กไทยประมาณร้อยละ 40-60 เป็นโรคขาดโปรตีนและพลังงาน) ข้าวกล้องมีโปรตีนมากกว่าข้าวขาว 20-30%

โรคผิวหนังบางชนิด ขาดวิตามินบีบางตัว

อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ ปวดเมื่อยตามตัวและขา เพราะขาดวิตามินบีรวม

โรคชัก เนื่องจากขาดวิตามิน บี 6 ซึ่งมีมากในข้าวกล้อง

ข้าวขาวมีแป้ง (คาร์โบไฮเดรต) พอๆ กับข้าวกล้อง แต่มีเกลือแร่และวิตามินต่างๆ น้อยกว่าข้าวกล้อง (ในข้าวกล้องจะมีวิตามินรวมกัน 20 กว่าชนิด) ที่ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและเสริมสร้างร่างกายให้สมบูรณ์
แหล่งที่มา http://www.teenee.com/

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2551

สอบเสร็จแล้วจ้า

หลังจากที่เคร่งเครียดกับการอ่านหนังสือสอบมาหลายวัน ในที่สุดก็สอบเสร็จเสียที
วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย มีสอบแค่ 2 วิชา คือ คณิตพื้นฐาน กับ ชีวะ ก็ยากเหมือนกันนะ
และแล้วการสอบก็ผ่านไป แต่พรุ่งนี้ต้องมาเข้าค่ายที่ โรงเรียนอีก 3 วันกับ 2คืน

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

ใกล้สอบแล้วนะ

นี่ก็ใกล้สอบกันแล้วนะจ๊ะเพื่อนๆ เตรียมตัวอ่านหนังสือกันหรือยังจ๊ะ
เรายังไม่ได้อ่านอะไรเลยอ่ะ การบ้านเยอะมากๆเลย วันๆก็มีแต่การบ้าน
น่าเบื่อมากๆเลย เรารู้คะแนนเก็บแล้วล่ะ ไม่ค่อยดีเลยอ่ะ บางวิชานะ
ไม่รู้ว่าเกรดออกมาจะเป็นยังไงบ้าง คงจะแย่น่าดูเลยอ่ะ
เรียนก็หนักมาก บางวันเรายังรู้สึกเหนื่อยและท้อเลย แต่เราต้องไม่ถอยใช่มั้ย
เราต้องสู้ สู้เพื่อแม่ 555+
ขอให้เพื่อนๆทุกคนทำข้อสอบให้ได้นะ
Good Luck

Blog ของเพื่อนๆ

19นาถฤดี (บูม) 4/1
19ธาราทิพย์ (เอม) 4/2
20ณัฐนรี (พิม) 4/3
21ดวงกมล (เจน) 4/3
22 ทิพวรรณ (เมย์)4/3
23 ธีรพร (ฝ้าย) 4/3
24 นฤมล (จอย) 4/3
25 นิมิตยา (นุ๊ก) 4/3
26 เนตรนภา (เนตร) 4/3
27 ประไพพิศ (ออย) 4/3
28 พรชนก (นก) 4/3
29 พรพรรณ (โบว์) 4/3
30 พิชญา (แอน) 4/3

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

ใยอาหารสำคัญกว่าที่คิด


ใยอาหาร สำคัญกว่าที่คิด
ตามปกติเราทราบกันถึงความสำคัญของอาหารหลัก 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน เกลือแร่ และไขมัน รวมทั้งพอจะทราบว่าต้องรับประทานอาหารให้หลากหลาย และครบทุกหมู่ในแต่ละมื้ออาหาร เพื่อที่ร่างกายจะได้แข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี แต่นอกจากสารอาหารหลักดังกล่าว ยังมีสารอาหารประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกายไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในด้านเพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่ายและลดน้ำหนัก ซึ่งหลายคนคงคุ้นเคยกับชื่อของ เส้นใยอาหาร หรือ ไฟเบอร์ (Fiber) กันเป็นอย่างดี

เส้นใยอาหาร หรือ ไฟเบอร์ เป็นสารประกอบน้ำตาลเชิงซ้อนที่มีโมเลกุลใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของพืช ผักและผลไม้ที่รับประทานได้ แต่น้ำย่อยในร่างกายของคนเราไม่สามารถย่อยและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งเมื่อผ่านลำไส้ใหญ่ บางส่วนจะถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ ทำให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทนไฮโดรเจน น้ำและกรดไขมันสายสั้นๆ ซึ่งจะถูกดูดซึมเข้าร่างกาย ด้วยเหตุนี้เองใยอาหารจึงมีผลต่อการทำงานของลำไส้ และการดูดซึมสารอาหารต่างๆ ในทางเดินอาหาร โดยทั่วไป เส้นใยอาหารมี 2 ชนิด คือ ชนิดละลายน้ำได้ และ ชนิดละลายน้ำไม่ได้ ซึ่งทั้ง 2 ชนิดมีความจำเป็นต่อร่างกาย สำหรับประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย คือเส้นใยอาหารจะทำหน้าที่คล้ายไม้กวาด กวาดหรือกำจัดสิ่งต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกายให้ออกไปจากทางเดินอาหาร นอกจากนนี้เส้นใยอาหารยังมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ จากลักษณะที่คล้ายฟองน้ำในกระเพาะอาหารและลำไส้ โดยพบว่ามีการดูดซับน้ำมากกว่าน้ำหนักของตัวเส้นใยถึง 15 เท่า จึงทำให้เกิดการเพิ่มปริมาณน้ำหนักของเนื้ออุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มลง ส่งผลให้ขับถ่ายได้ง่ายและเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้เป็นปกติ จึงช่วยป้องกันโรคท้องผูก โรคอ้วน โรคผนังลำไส้โป่งพอง โรคริดสีดวงทวาร และอาจมีผลในการลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันโลหิตสูง และความผิดปรกติอื่นๆ ในลำไส้ ในส่วนของเส้นใยอาหารที่มีบทบาทในการลดความอ้วน เพราะเส้นใยอาหารเมื่ออยู่ในกระเพาะจะละลายน้ำ แล้วกลายเป็นเจลที่มีความหนืดและเกาะตัว มีผลให้กระเพาะว่างช้าลงและอิ่มเป็นเวลานาน ทำให้ไม่รู้สึกโหยหรืออยากกินอะไรมากนัก ส่งผลให้อยากกินอาหารน้อยลง บทบาทของเส้นใยอาหารมีความสำคัญต่อร่างกายมากกว่าที่คิด ดังนั้นหากในแต่ละมื้ออาหาร นอกจากอาหารหลัก 5 หมู่แล้ว การเพิ่มอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารประเภทใยอาหารอย่างเพียงพอจึงมีความสำคัญ โดยควรบริโภคอาหารที่มีเส้นใยในปริมาณ 20 ถึง 25 กรัมต่อวัน และเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดจากคุณสมบัติของเส้นใยอาหารทั้ง 2 ชนิด ควรกินอาหารที่มีความหลากหลาย โดยแหล่งอาหารที่อุดมด้วยเส้นใยพบได้ในถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เช่น ถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง งา รำข้าว ตามมาด้วยมะเขือพวง ผักกระเฉด เห็ดหูหนู แครอท สะเดา ข้าวสาลี บุก และธัญพืชต่างๆ ส่วนผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารก็เช่น ละมุด ฝรั่ง มะม่วงดิบ เป็นต้น รวมทั้งพวกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากอาหารเหล่านี้ก็เป็นแหล่งไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารที่ดีด้วยเช่นกัน เช่น ขนมปังโฮทวีต ผลิตภัณฑ์จากบุก เป็นต้น เห็นอย่างนี้ ต้องบอกแล้วว่า ใยอาหาร...สำคัญกว่าที่คิดจริงๆ ! ที่สำคัญกว่าก็คือ สามารถหารับประทานได้ง่ายๆ และหลากหลายชนิด .. ใครที่อยากมีระบบขับถ่ายที่ดี หรืออยากผอม ก็ไม่ควรมองข้ามใยอาหารไปเสีย

งานวันแม่

ข้าพเจ้านำงานวันแม่ที่ข้าพเจ้าตั้งใจทำขึ้นมาฝากเพื่อนๆค่ะ
นี่คือเว็บฝากไฟล์ของข้าพเจ้า
http://www.upload4free.com/download.php?file=1253042867-my_mom.ppt

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

เทคนิคการอ่านหนังสือให้จำง่าย

ข้อที่ 1. น้องๆต้องใส่ใจเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆก่อนเลยล่ะ ดูซิ!!!ว่าวิชาไหนน่ะที่เราต้องสอบเป็นอันดับแรกๆ หยิบวิชานั้นขึ้นมาก่อนเลย เตรียมไว้นะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับวิชาที่จะสอบ ชีท เอกสารต่างๆ หรือแนวข้อสอบ(อันนี้สำคัญนะค่ะ หาให้เจอล่ะ) ค้นเลยๆ ทุกวิชานะค่ะ
ข้อที่ 2.แยกหมวดหมู่แต่ละวิชา ก่อน-หลัง แล้วหาที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบด้วยล่ะ
ข้อที่ 3.เตรียม ดินสอ/ปากกา สมุด และปากกาเน้นข้อความไว้ด้วยนะ
ข้อที่ 5.เริ่มอ่านวิชาที่จะต้องสอบก่อนเป็นวิชาแรกเลยค่ะ ตรงนี้แหละสำคัญมาก น้องๆอย่าอ่านๆๆๆๆๆแล้วก็อ่านเพื่อให้จบ แบบผ่านๆนะค่ะ ต่อให้น้องๆอ่านสัก 10 รอบแล้วบอกคนอื่นๆว่า "ก็เค้าอ่านเป็นสิบๆรอบแล้วอ่ะ แต่ทำไมทำข้อสอบไม่ได้เลยน่ะ?" อ่ะๆๆๆ!!! อ่านสัก 100 รอบก็ไม่ช่วยอะไรหรอกเจ้าค่ะ อ่านแล้วต้องทำความเข้าใจไปด้วย ตรงไหนที่คิดว่าสำคัญๆ น้องๆก็เน้นตรงจุดนั้นไว้ อาจจะใช้วิธีการจดบันทึกไว้ หรือ เน้นข้อความด้วยปากกาสีต่างๆก็ได้ค่ะ เพื่อว่าจะได้กลับมาอ่านอีกครั้ง
ข้อที่ 6.นั้นงัยๆๆๆพี่บอกไปตะกี้เองนะค่ะว่าอย่าอ่านแบบผ่านๆ ดูสิ!!!น้องๆลองกลับไปอ่านข้อ 3 ใหม่สิค่ะ แล้วดูซิว่าที่ต่อจากข้อ 3 นะเป็นข้อที่เท่าไหร่ ข้อที่ 4หายไปๆๆๆๆ ส่วนน้องๆคนไหนสังเกตเห็นก่อนที่พี่เฉลย น้องก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วละค่ะ เก่งมากๆเลย ส่วนน้องๆคนไหนที่ไม่ทันได้สังเกต ก็เอาจุดนี้เนี่ยแหละค่ะไปลองปรับใช้กับการอ่านหนังสือดูตามที่พี่บอกไว้ในข้อที่ 5 นะค่ะ
ข้อที่ 7.อ่ะ ต่อๆๆ การไม่ปล่อยให้ท้องว่างก็เป็นสิ่งสำคัญนะค่ะ ถ้าน้องๆอ่านๆๆๆหนังสืออย่างเดียวจนลืมทานข้าวแล้วละก็ นอกจากน้องๆจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว อาจจะทำให้ป่วย และทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วยนะจ๊ะ สำคัญเลย ต้องหาอะไรทานเมื่อท้องว่างด้วยน้า...อย่าทรมาณตัวเองละ
ข้อที่ 8.ในการอ่านหนังสือ น้องๆควรเลือกเวลาที่รู้สึกว่าสมองเราพร้อมจะทำงานด้วยนะจ๊ะ แล้วเมื่อน้องๆรู้สึกว่าเริ่มอ่านไม่ไหวแล้วล่ะ อ่านนานมากไปทำให้ปวดตา ปวดหัว ให้น้องๆพักก่อน อาจจะหาอย่างอื่นทำ เช่นพักสายตาโดยการหาเพลงเพราะๆฟัง(อ่ะๆๆๆเลือเพลงที่ฟังแล้วจรรโลงใจด้วยละ ถ้าฟังเพลงที่หนักไป อาจทำให้ยิ่งปวดหัวมากกว่าเดิม ไม่รู้ด้วยนะเจ้าค่ะ) จะดูทีวี เล่นเกม หรือกิจกรรมอื่นๆที่ทำแล้วผ่อนคลายก็หามาลองทำกันดูนะเจ้าค่ะ แต่ๆๆๆๆแล้วก็แต่...อย่าพักจนเพลินละ เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายผ่อนคลายเพียงพอแล้วก็กลับเข้าสู่โหมดการอ่านหนังสือต่อเลยยย (เอาน่าๆทนเอาหน่อยนะเจ้าค่ะ สอบไม่ได้มีมาบ่อยๆ ตั้งใจให้สุดๆไปเลย)ข้อที่ 9.นั้นแน่ๆ พี่รู้นะว่าน้องๆเริ่มใส่ใจในรายละเอียดในการอ่านกันบ้างแล้ว คงคิดใช่มั้ยละ ว่าพี่จะแกล้งทำให้ข้อไหนหายไปอีกน่ะ!!! ดีแล้วค่ะถ้าน้องๆคิดแบบนี้นะ เป็นการฝึกตัวเองไปด้วย ให้เป็นคนรอบคอบ ดีค่ะๆ อ่ะต่อๆ
ข้อที่ 10.อ้า....อ่านไม่ทันแล้วอ่ะ!!!ทำไงดีๆ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนๆคนอื่นๆเกือบทุกคนละค่ะ ที่สำคัญเลย อย่าตื่นเต้นจนรนล่ะ ตั้งสตินะค่ะตรงนี้สำคัญมากๆเลย ให้น้องๆหยุดอ่านหนังสือต่อสักพักนึง แล้วดูซิว่า...พรุ่งนี้เราสอบวิชาอะไรบ้าง แล้วหยิบวิชาที่สอบเป็นวิชาแรกมาอ่านทบทวนก่อนเลย แล้วก็ทบทวนวิชาอื่นๆต่อไป (ตรงถ้าคิดว่ากลัวอ่านไม่ทันรอบทบทวนให้น้องๆอ่านในส่วนที่เน้น ที่สำคัญๆเอาไว้ก่อนเลย จำได้มั้ยเอ๋ยว่าในการอ่านรอบแรกพี่ให้น้องๆจดบันทึกที่สำคัญๆไว้ที่คิดว่าน่าจะออก หรือส่วนที่มันยาก จำไม่ได้ก็นำมาอ่านก่อนเลย ตรงส่วนไหนที่น้องๆจำได้ หรือเข้าใจก็เปิดผ่านๆเลยค่ะ ตอนนี้เราต้องทำเวลาแหละน่ะ)
ข้อที่ 11.เอาละ...อ่านหนังสือสอบก็ต้องฟิสหน่อย น้องๆบางคนอาจจะอ่านหนังสือเร็วและเข้าใจง่ายทำให้การอ่านหนังสือไม่ค่อยมีปัญหาเลยก็ดีไป ส่วนน้องคนไหนเป็นคนที่อ่านหนังสือช้าก็ต้องขยันกว่าคนอื่นๆหน่อยแล้ว อาจจะทำให้อ่านหนังสือไม่ทัน ทำให้ต้องนอนดึกหน่อย ก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะค่ะ หานมอุ่นๆหรือของว่างทานสักนิดนึง ใส่ใจในสุขภาพหน่อยนะค่ะ เพราะเดี๋ยวน้องๆอาจป่วยได้ แล้วเป็นงัยน่ะ ไปสอบไม่ได้ แย่เลยน่ะเจ้าค่ะ สำคัญเลย ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเราไม่ไหวแล้ว อย่าฝืนนะค่ะ ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น รีบเตรียมตัวเข้านอนกันดีกว่าค่ะ ตื่นเช้ามาจะได้สดชื่น แถมถ้าเราตื่นเร็ว ก็จะมีเวลาอีกนิดในการทบทวนก่อนเข้าห้องสอบนะค่ะน้องๆ
***เป็นงัยค่ะ ทั้ง 10 ข้อที่พี่ได้นำมาฝากกัน ก็ลองนำไปทำตามกันดูนะค่ะ***
แหล่งที่มา http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1156058

ควันหลงกีฬาสี

กีฬาสีปีนี้สนุกมากๆ ข้าพเจ้าอยู่สีเหลืองอีกแล้ว หลังจากเคยอยู่มาแล้วตอนม.2
แล้วปีนี้ข้าพเจ้าก็เต้นแอโรบิคอีกแล้วเหมือนกัน กีฬาสีมี 5 วัน ข้าพเจ้าต้องซ้อมเต้นแอโรบิคทุกวัน
แต่ข้าพเจ้าและเพื่อนๆก็ชอบแอบไปเชียร์กีฬาอยู่เรื่อยๆ ยิ่งวันที่ต้องแข่งแอโรบิครอบแรกตื่นเต้นมากเลย
จนข้าพเจ้าเต้นผิดเต้นถูก อายมาก วันสุดท้ายก็สนุก ข้าพเจ้าตื่นตาตื่นใจกับขบวนพาเหรดของแต่ละสี สวยงามมากจนบอกไม่ถูกเลยว่าสีใดสวยกว่ากัน แสตนด์ของทุกสีก็สวยหมดเลย ข้าพเจ้าไม่ค่อยได้เชียร์กีฬาอะไรมากมาย เพราะต้องซ้อมแอโรบิค ซ้อมหนักมาก

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

เทศกาลหิมะโปรยที่ญี่ปุ่น



















วันนี้ข้าพเจ้านำภาพสวยๆจากเทศกาลหิมะโปรยที่ญี่ปุ่นมาฝากเพื่อนๆค่ะ
ข้าพเจ้าคิดว่ามันสวยงามมาก เลยค่ะ เพราะข้าพเจ้าเองก็ยังไม่เคยเห็นหิมะมาก่อน
แหล่งที่มา http://www. dek-k.com.

เหตุการณ์ระทึกขวัญ

เมื่อวันเสาร์ที่ 6 กันยายน
ข้าพเจ้าและเพื่อนๆที่เรียนGifted เคมี และมีเพื่อน ม.4/1ได้ไปเข้าค่ายที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี
ไปถึงก็จะมีคุณครูมาบรรยายเกี่ยวกับเรื่องสารเคมี ก็นานนะ จนเพื่อนๆบางคนและข้าพเจ้าเกือบหลับ
แต่ก็ไม่หลับนะ จากนั้นก็พักทานของว่าง แล้วก็ทดลองเรื่อง สกัดคาเฟอีนจากใบชา ก็สนุกดีนะค่ะ
ทำไปทำมาก็เกดเหตุการณ์ไม่คาดขวัญเกิดขึ้น เนื่องจาก บิกเกอร์หรืออะไรนี่แหละเรียกไม่ถูกเหมือนกัน
ที่ต้มใบชาอยู่ ซึ่งข้าพเจ้าเป็นคนคอยคนให้สารมันละลายอ่ะ ก้นมันแตกละลายเลยอ่ะแล้วนำที่ต้มใบชาอยู่นั้นมันก็กระจายออกมา และเครื่องที่ต้มอยู่อ่ะ มันก็เสียงดังขึ้นมา ทุกคนที่อยู่แถวนั้นนะเกิดอาการตื่นตระหนกตกใจกันหมดเลย แต่พี่เค้าบอกว่าผิดพลาดทางอุปกรณ์นิดหน่อย ไม่มีอะไรเสียหาย ข้าพเจ้าจะจำวันนี้ไปตลอดเลย สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากที่นี่คือประสบการณ์ที่หามิได้จากห้องเรียน มันเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากกว่าเรียนในห้องเรียนค่ะ

อยู่กับก๋ง

อยู่กับก๋ง
ชื่อผู้แต่ง หยก บูรพา (เฉลิม รงคผลิน )
เรื่องย่อ
บ้านสวน พ.ศ.2548 หยก ชายชราวัย 60 ปี ประสบความสำเร็จในอาชีพนักเขียนของตน มีผลงานตีพิมพ์มากมาย ทุกวันนี้เขาอาศัยอยู่กับครอบครัวใหญ่ มีลูกหลานมากมาย เมื่อมองภาพครอบครัวที่อบอุ่นอย่างทุกวันนี้ หยกมักจะย้อนคิดถึงวัยเด็กที่มีเพียงเขาและ ก๋ง ทุกครั้ง
ก๋ง ชายชราชาวจีนที่อพยพเข้ามาประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนสงครามโลก ก๋งเป็นช่างฝีมือ ประกอบอาชีพหลักคืองานซ่อมเซรามิค อันเป็นวิชาที่ติดตัวมาจากเมืองจีน ความคิดอ่านที่กว้างไกลและความเมตตาของก๋ง ทำให้ก๋งได้รับการนับหน้าถือตาจากผู้คนมากมายในชุมชนห้องแถวที่อาศัยอยู่ ซึ่งผลบุญนี้ได้ตกมาถึง หยก เด็กกำพร้าที่ก๋งได้อุปการะไว้ หยกเติบโตอย่างอบอุ่นภายใต้การเลี้ยงดูของก๋ง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความไม่สมบูรณ์ของตัวเอง หยกมักสงสัยว่าทำไมตนจึงไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่น จนวันหนึ่งหยกได้พบเห็นเด็กกำพร้าที่ถูกเอามาวางทิ้งไว้ หยกจึงได้เข้าใจว่าโลกนี้ยังมีเด็กโชคร้ายอีกหลายคนนัก และเพื่อนเขาบางคนเช่น ป้อม ลูกชายของ คุณนายทองห่อ กับคุณปลัด ที่แม้จะมีพ่อแม่พร้อมหน้า หากหยกได้รู้ความจริงว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น มีแต่การปั้นหน้าใส่กัน หยกจึงเข้าใจว่า แท้จริงแล้วการที่เขามีก๋งคอยให้ความรักกับเขาอย่างแท้จริงต่างหากที่ทำให้เขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้วชุมชนห้องแถวที่ก๋งและหยกอาศัยอยู่เป็นแหล่งรวมคนจีนมากหน้า เพื่อนบ้านที่สนิทกันอยู่ก็คือ เง็กจู ซึ่งเป็นที่ยึดติดกับธรรมเนียมจีนอย่างเหนียวแน่น และไม่ค่อยยอมรับความเปลี่ยนแปลง เง็กจูมีลูกชายคือ เพ้ง และลูกสาวคือ เกียว หลายครั้งที่เง็กจูมีปัญหากับลูก ก๋งจะเป็นคนคอยแก้ปัญหาให้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เกียวแหกประเพณีเดิมของผู้หญิงจีน หนีไปเรียนภาคค่ำ หรือตอนที่เพ้งรับ นวล ภรรยาคนไทยเข้าบ้าน จนเง็กจูขู่จะฆ่าตัวตาย ก๋งเป็นคนชี้ทางสว่างให้เง็กจูเห็นและยอมปรับทัศนคติเพื่ออยู่ร่วมกับลูกหลานในโลกปัจจุบันให้ได้ หรือแม้แต่คนไทยบางคนที่มาเช่าบ้านอยู่ในชุมชนจีนนี้ ก๋งก็เป็นคนจีนคนเดียวที่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ขณะที่คนจีนคนอื่นๆ ตั้งแง่รังเกียจ ไม่ว่าจะเป็น สมพร หญิงสาวผู้โชคร้ายที่หนีออกมาจากซ่องโสเภณี แฉล้ม และไพศาล คู่ผัวเมียที่ทะเยอทะยานในวัตถุจนตกเป็นทาสการพนัน และหาญ กับจำเรียง หนุ่มสาวที่วิวาห์เหาะมาจากกรุงเทพฯ
ชุมชนห้องแถว พ.ศ.2548 หยก กลับไปเยี่ยมชุมชนห้องแถวอีกครั้ง เขาเพ่งมองภาพถ่ายขาวดำของงานวันแซยิด ในห้องแถวหลังเก่าของตัวเอง เรื่องราวเก่าๆ ยังคงฉายชัดอยู่ในความทรงจำของเขา แม้ว่าวันนี้ชุมชนห้องแถวจะเปลี่ยนแปลงและเจริญขึ้นมากกว่าวันก่อนแล้วก็ตาม หน้าห้องแถวห้องหนึ่ง เด็กชายคนหนึ่งนอนอ่านหนังสือให้อากงของตัวเองฟัง หยกนึกถึงภาพตัวเองกับก๋งในวัยเด็ก และยิ้มออกมาเมื่อเห็นชื่อหนังสือ “อยู่กับก๋ง”บนหน้าปก หยกเหม่อมองท้องฟ้าราวกับจะมองหาก๋ง อยากให้ก๋งได้เห็นว่าวันนี้ เขาได้ทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับก๋งแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2551

สรุปเรื่องอิเหนาตอนศึกกะหมังกุหนิง

ชื่อและประวัติผู้แต่ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่2 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงประสูติเมื่อวันพุธที่24กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 ปีกุน มีพระนามเดิมว่า ฉิม พระองค์ทรงเป็น พระบรมราชโอรสองค์ที่ 4 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกกับกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูติ ณ บ้านอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
ลักษณะของงานประพันธ์ กลอนบทละคร ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นยอดแห่งกลอนบทละคร
ชื่อและลักษณะนิสัยของตัวละคร
1. อิเหนา เป็นคนเจ้าชู้ ฉลาด รบเก่ง
ตัวอย่าง นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพี่แนบนวลสมรจินตะหรา
จากพรากจับจากจำนรรจา เหมือนจากนางสการะวาตี
แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง เหมือนร้างห้องมาหยารัศมี
นกแก้วจับแก้วพาที เหมือนแก้วพี่ทั้งสามสั่งความมา
2. บุษบา รูปโฉมงดงาม เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มมากมาย
3.ท้าวกะหมังกุหนิง เป็นคนรักลูกมากเกินไป เห็นแก่ตัว
ตัวอย่าง โอ้ว่าพระองค์ผู้ทรงยศ พระเกียรติปรากฏในแหล่งหล้า
สงครามทุกครั้งแต่หลังมา ไม่เคยอัปราแก่ไพรี
ครั้งนี้ควรหรือมาพินาศ เบาจิตคิดประมาทไม่พอที่
เพราะรักบุตรสุดสวาทแสนทวี จะทัดทานภูมีไม่เชื่อฟัง
4. ท้าวกุเรปัน เป็นผู้มีพระทัยเด็ดเดี่ยว ยึดถือความถูกต้อง ทะนงในศักดิ์ศรี
ตัวอย่าง ในลักษณ์อักษรสาร ว่าระตูหมันหยาเชนผู้ใหญ่
มีราชธิดายาใจ แกล้งให้แต่งตัวไว้ยั่วชาย
จนลูกเราร้างคู่ตุนาหงัน ไปหลงรักผูกพันที่หมันหยา
จะให้ชิงผัวเขาเอาเด็ดตาย ช่างไม่อายไพร่ฟ้าประชาชน
5. นางจินตะหรา รูปโฉมงดงาม เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตนเอง แสนงอน
ตัวอย่าง พระจะไปดาหาปราบข้าศึก หรือรำลึกถึงคู่ตุนาหงัน
ด้วยสงครามในจิตยังติดพัน จึงบิดผันพจนาหน้าไม่อาลัย
ไหนพระผ่านฟ้าสัญญาน้อง จะปกป้องครองความพิสมัย
ไม่นิราศแรมร้างห่างไกล จนบรรลัยมอดม้วยไปด้วยกัน
6. วิหยาสะกำ มีฝีมือในการใช้ทวนเป็นอาวุธ มีจิตใจอ่อนไหว
ตัวอย่าง เมื่อนั้น วิหยาสะกำใจกล้า
ได้ฟังคลั่งแค้นแทนบิดา จึงร้องตอบวาจาว่าไป

7. สังคามาระตา เป็นคนกล้าหาญ เฉลียวฉลาด
ตัวอย่าง เมื่อนั้น สังคามาระตาแข็งขัน
ขับม้าไวว่องป้องประจัญ เป็นเชิงชันชิงชัยในทีทวน
ร่ายรับกลับแทงไม่แพลงพล้ำ วิหยาสะกำผัดผันหันหวน
ต่างเรียงเคียงร่ายย้ายกระบวน ปะทะทวนรวนรุกคลุกคลี
8. ท้าวดาหา เป็นคนประชดประชันเก่ง ยุติธรรม
ตัวอย่าง อันอะหนะบุษบาบังอร ครั้งก่อนจรกาตุนาหงัน
ได้ปลดปล่อยลงในใจให้บัน นัดกันจะแต่งการวิวาห์
ซึ่งจะรับของสู่ระตูนี้ เห็นจะผิดประเพณีหนักหนา
ฝูงคนทั้งแผ่นดินจะนินทา สิ่งของที่เอามาจงคืนไป
ข้อคิด คติธรรมที่ได้จากเรื่อง
1. ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน
2. การต่อสู่กันต้องใช้ไหวพริบและความสามารถในการรบ
3. สงครามนำมาซึ่งหายนะ
4. แสดงให้เห็นความรักอันยิ่งใหญ่ของพ่อที่มีต่อลูก
5. ไม่ควรรักลูกมากเกินไป
ประโยชน์และคุณค่า
1. บทบรรยายเล่าเรื่องกระชับ เดินเรื่องเร็ว บรรยายให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ และแสดงอารมณ์ของตัวละคร
2. บทพรรณนาถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด ทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพชัดเจน
3.บทครวญนิราศแสดงอารมณ์ทุกข์โศกของตัวละครที่ต้องพลัดพรากจากผู้ที่เป็นที่รัก
4. ความเปรียบสื่อความได้ชัดเจนทำให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพ
5. โวหารโต้ตอบคมคาย
6. การเล่นคำด้วยคำพ้องเสียง มาเรียงร้อยให้เข้ากัน
คำที่อ่านยาก เขียนยาก
1. ไอศูรย์
2. อาส์น
3. สีหบัญชร
4. กั้นหยัน
5. ดัสกร
6. ประเจียด
7. ประเสบัน
8. พหลพลขันธ์
9. มุรธาวารีภิเษก
10.วิหลั่น
11. ศรีปัตหรา 12.อะหนะ
13.อาสัตย์ 14. อึงอุตม์


เรื่องย่อ
ท้าวกะหมังกุหนิง มีโอรสชื่อ วิหยาสะกำ ในคราวที่วิหยาสะกำออกประพาสป่า องค์ปะตาระกาหลาได้แปลงร่างเป็นกวางทอง เพื่อล่อให้วิหยาสะกำมายังต้นไทรที่พระองค์ทิ้งรูปวาดนางบุษบาไว้ เมื่อวิหยาสะกำเห็นรูปวาดก็หลงรักนางทันที ท้าวกะหมังกุหนิงรู้ว่านางบุษบาเป็นธิดาของท้าวดาหา ที่ตอนนี้เป็นคู่หมั้นของจรกาแล้ว แต่ด้วยความรักลูกและสงสารลูกจึงส่งทูตไปสู่ขอนางบุษบาให้วิหยาสะกำ แต่ท้าวดาหาปฎิสธ ท้าวกะหมังกุหนิงจึงสั่งยกทัพมาตีเมืองดาหาเพื่อชิงตัวนางบุษบา ท้าวดาหาส่งพระราชสาส์นไปขอความช่วยเหลือจากท้าวกุเรปัน ท้าวกาหลัง ท้าวสิงหัดส่าหรีและจรกาให้ยกทัพมาช่วยรบ เมื่อท้าวกุเรปันได้รับทราบแล้วจึงให้ทหารนำจดหมายไปให้อิเหนาที่เมืองหมันหยา อิเหนาไม่อยากไปแต่กลัวพ่อโกธเลยต้องไปในที่สุดอิเหนาก็ยกทัพมาพร้อมกับ กะหรัดตะปาตี ทำให้ท้าวดาหาดีใจมากเพราะเชื่อว่าอิเหนาต้องรบชนะแต่ด้วยความที่ อิเหนาเคยทำให้โกธร เพราะปฏิเสธการแต่งงานกับนางบุษบา จนทำให้เกิดเรื่องขึ้น อิเหนาจึงตัดสินใจรบให้ชนะก่อนแล้วค่อยไปเฝ้าท้าวดาหา ในที่สุดเมื่อท้าวกะหมังกุหนิงยกทัพมาใกล้เมืองดาหา ทำให้เกิดการต่อสู้กับกองทัพของอิเหนา ในที่สุด สังคามาระตาก็เป็นผู้ฆ่าวิหยาสะกำ ส่วนอิเหนาเป็นผู้ฆ่าท้าวกะหมังกุหนิงตายในสนามรบด้วยกริชเทวา หลังจากนั้นท้าวปาหยันและท้าวประหมัน พี่และน้องของท้าวกะหมังกุหนิง ก็ยอมอ่อนน้อมต่ออิเหนา อิเหนาจึงอนุญาติให้ ท้าวปาหยันและท้าวประหมันนำศพของท้าวกะหมังกุหนิงและวิหยาสะกำไปทำพิธีตามประเพณี